บทอธิบายช่วงอายะฮ์ที่ 1-4
StartFragment
ตัฟสีร สูเราะฮฺอัลมุลกฺ (อำนาจ)
เป็นสูเราะฮฺมักกียะฮฺ
บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรเราะฮีม
อายะฮฺที่ 1-4
“มหาจำเริญยิ่งพระผู้ทรงอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง * พระผู้ทรงสร้างความตายและการมีชีวิต เพื่อทดสอบพวกเจ้าว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่มีการงานดีที่สุด และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยเสมอ * พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ เจ้าจะไม่เห็นความไม่สมดุลใดๆ ในการสร้างของพระผู้ทรงกรุณาปรานี ดังนั้นจงเพ่งมองดู เจ้าจะเห็นรอยแยกใดๆ ไหม? * แล้วจงเพ่งมองดูอีกสองครั้ง สายตาของเจ้าจะกลับมาหาเจ้าด้วยความอ่อนล้าและพ่ายแพ้“
****
تَبَارَكَ الَّذِي بِيَدِهِ الْمُلْكُ
“มหาจำเริญยิ่งพระผู้ทรงอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์“
พระองค์ทรงยิ่งใหญ่และสูงส่ง ความดีงามของพระองค์มากมาย และความโปรดปรานของพระองค์แผ่ไพศาล ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่การครองราชย์ทั้งในโลกเบื้องบนและเบื้องล่างอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงสร้างมัน และทรงจัดการในสิ่งที่พระองค์ประสงค์ ทั้งในด้านกฎสภาวะและบทบัญญัติศาสนา ซึ่งเป็นไปตามพระปรีชาญาณของพระองค์ และด้วยความยิ่งใหญ่แห่งความสมบูรณ์ในเดชานุภาพของพระองค์ที่ทรงสามารถเหนือทุกสิ่ง และด้วยเดชานุภาพนี้พระองค์ทรงให้บังเกิดสิ่งที่ถูกสร้างอันยิ่งใหญ่ เช่น บรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน
الَّذِي خَلَقَ الْمَوْتَ وَالْحَيَاةَ
“พระผู้ทรงสร้างความตายและการมีชีวิต“
พระองค์ทรงกำหนดให้บ่าวของพระองค์มีชีวิตแล้วให้พวกเขาตาย
لِيَبْلُوَكُمْ أَيُّكُمْ أَحْسَنُ عَمَلًا
“เพื่อทดสอบพวกเจ้าว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่มีการงานดีที่สุด“
เพื่อทดสอบว่าผู้ใดมีการงานที่บริสุทธิ์และถูกต้องที่สุด เพราะอัลลอฮฺทรงสร้างบ่าวของพระองค์และนำพวกเขาออกมาสู่โลกนี้ และทรงแจ้งให้พวกเขาทราบว่าพวกเขาจะต้องย้ายออกจากโลกนี้ พระองค์ทรงบัญชาและห้ามปรามพวกเขา และทรงทดสอบพวกเขาด้วยกิเลสตัณหาที่ขัดแย้งกับคำสั่งของพระองค์ ดังนั้นผู้ใดที่ยอมจำนนต่อคำสั่งของอัลลอฮฺและทำการงานที่ดี อัลลอฮฺก็จะทรงตอบแทนเขาด้วยสิ่งที่ดีทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และผู้ใดที่โน้มเอียงไปตามกิเลสตัณหาของตนและละทิ้งคำสั่งของอัลลอฮฺ เขาก็จะได้รับการตอบแทนที่เลวร้าย
وَهُوَ الْعَزِيزُ
“และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ“
พระองค์คือผู้ทรงอำนาจทั้งมวล ซึ่งด้วยอำนาจนั้นพระองค์ทรงปราบทุกสิ่ง และทุกสิ่งที่ถูกสร้างยอมจำนนต่อพระองค์
الْغَفُورُ
“ผู้ทรงอภัยเสมอ“
ผู้ทรงอภัยต่อผู้ที่ทำผิด ผู้บกพร่อง และผู้ที่มีความผิด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขากลับเนื้อกลับตัวและสำนึกผิด พระองค์ก็จะทรงอภัยความผิดของพวกเขา แม้ว่ามันจะสูงถึงฟากฟ้า และจะทรงปกปิดข้อบกพร่องของพวกเขา แม้ว่ามันจะเต็มโลก
الَّذِي خَلَقَ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ طِبَاقًا
“พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ“
ชั้นฟ้าแต่ละชั้นอยู่เหนืออีกชั้นหนึ่ง ไม่ใช่เป็นชั้นเดียวกัน และพระองค์ทรงสร้างมันอย่างงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุด
مَا تَرَى فِي خَلْقِ الرَّحْمَنِ مِنْ تَفَاوُتٍ
“เจ้าจะไม่เห็นความไม่สมดุลใดๆ ในการสร้างของพระผู้ทรงกรุณาปรานี“
ไม่มีข้อบกพร่องหรือความไม่สมบูรณ์ใดๆ และเมื่อไม่มีความบกพร่องในทุกด้าน มันจึงเป็นสิ่งที่งดงามสมบูรณ์ สอดคล้องกันในทุกด้าน ทั้งในแง่ของสี รูปทรง ความสูง และสิ่งที่อยู่ในนั้น อันได้แก่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆ ที่ส่องแสง ทั้งที่อยู่กับที่และที่โคจร
และเมื่อความสมบูรณ์ของมันเป็นที่ประจักษ์แล้ว อัลลอฮฺจึงทรงสั่งให้มองดูและพินิจพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระองค์ตรัสว่า
فَارْجِعِ الْبَصَرَ
“ดังนั้นจงเพ่งมองดู“
จงมองดูมันอีกครั้งด้วยการพินิจพิจารณาและใคร่ครวญ
هَلْ تَرَى مِنْ فُطُورٍ
“เจ้าจะเห็นรอยแยกใดๆ ไหม?”
เจ้าเห็นข้อบกพร่องหรือความไม่สมบูรณ์ใดๆ ไหม?
ثُمَّ ارْجِعِ الْبَصَرَ كَرَّتَيْنِ
“แล้วจงเพ่งมองดูอีกสองครั้ง“
เจตนารมณ์ของการกล่าวเช่นนี้คือให้มองซ้ำหลายๆ ครั้ง
يَنْقَلِبْ إِلَيْكَ الْبَصَرُ خَاسِئًا وَهُوَ حَسِيرٌ
“สายตาของเจ้าจะกลับมาหาเจ้าด้วยความอ่อนล้าและพ่ายแพ้“
สายตาของเจ้าจะกลับมาด้วยความอ่อนล้า ไม่สามารถมองเห็นข้อบกพร่องหรือรอยแยกใดๆ แม้จะพยายามอย่างที่สุดก็ตาม
อายะฮฺที่ 5-11
وَلَقَدۡ زَيَّنَّا ٱلسَّمَآءَ ٱلدُّنۡيَا بِمَصَٰبِيحَ وَجَعَلۡنَٰهَا رُجُومٗا لِّلشَّيَٰطِينِۖ وَأَعۡتَدۡنَا لَهُمۡ عَذَابَ ٱلسَّعِيرِ * وَلِلَّذِينَ كَفَرُواْ بِرَبِّهِمۡ عَذَابُ جَهَنَّمَۖ وَبِئۡسَ ٱلۡمَصِيرُ * إِذَآ أُلۡقُواْ فِيهَا سَمِعُواْ لَهَا شَهِيقٗا وَهِيَ تَفُورُ * تَكَادُ تَمَيَّزُ مِنَ ٱلۡغَيۡظِۖ كُلَّمَآ أُلۡقِيَ فِيهَا فَوۡجٞ سَأَلَهُمۡ خَزَنَتُهَآ أَلَمۡ يَأۡتِكُمۡ نَذِيرٞ * قَالُواْ بَلَىٰ قَدۡ جَآءَنَا نَذِيرٞ فَكَذَّبۡنَا وَقُلۡنَا مَا نَزَّلَ ٱللَّهُ مِن شَيۡءٍ إِنۡ أَنتُمۡ إِلَّا فِي ضَلَٰلٖ كَبِيرٖ * وَقَالُواْ لَوۡ كُنَّا نَسۡمَعُ أَوۡ نَعۡقِلُ مَا كُنَّا فِيٓ أَصۡحَٰبِ ٱلسَّعِيرِ * فَٱعۡتَرَفُواْ بِذَنۢبِهِمۡ فَسُحۡقٗا لِّأَصۡحَٰبِ ٱلسَّعِيرِ
“และแท้จริงเราได้ประดับฟ้าชั้นต่ำสุดด้วยดวงประทีป และเราได้ทำให้มันเป็นขีปนาวุธขับไล่บรรดาชัยฏอน และเราได้เตรียมการลงโทษแห่งเปลวเพลิงไว้สำหรับพวกมัน * และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขานั้นคือการลงโทษแห่งนรกญะฮันนัม และช่างเลวร้ายยิ่งซึ่งจุดหมายปลายทาง * เมื่อพวกเขาถูกโยนลงในนั้น พวกเขาจะได้ยินเสียงคำรามของมัน ขณะที่มันกำลังเดือดพล่าน * เกือบจะระเบิดด้วยความโกรธแค้น ทุกครั้งที่กลุ่มหนึ่งถูกโยนลงในนั้น ยามรักษาการณ์ของมันจะถามพวกเขาว่า ‘มิได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าหรอกหรือ?’ * พวกเขากล่าวว่า ‘มี แน่นอนได้มีผู้ตักเตือนมายังเรา แต่เราได้ปฏิเสธและกล่าวว่า อัลลอฮฺมิได้ทรงประทานสิ่งใดลงมา พวกท่านอยู่ในความหลงผิดอันใหญ่หลวงเท่านั้น’ * และพวกเขากล่าวว่า ‘หากพวกเราเคยฟังหรือใช้สติปัญญา เราคงไม่อยู่ในหมู่ชาวนรก’ * ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับความผิดของพวกเขา ดังนั้นขอความพินาศจงประสบแก่ชาวนรก“
****
ต่อมาพระองค์ทรงกล่าวถึงความงดงามของท้องฟ้าอย่างชัดเจนว่า
وَلَقَدْ زَيَّنَّا السَّمَاءَ الدُّنْيَا
“และแท้จริงเราได้ประดับฟ้าชั้นต่ำสุด“
ท้องฟ้าที่พวกเจ้าเห็นและอยู่ใกล้พวกเจ้า
بِمَصَابِيحَ
“ด้วยดวงประทีป“
ด้วยดวงดาวต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันในด้านแสงสว่างและความเจิดจ้า เพราะหากปราศจากดวงดาวเหล่านี้ ท้องฟ้าก็จะเป็นเพียงเพดานที่มืดมิด ไม่มีความงดงามและความสวยงามใดๆ แต่อัลลอฮฺทรงทำให้ดวงดาวเหล่านี้เป็นเครื่องประดับสำหรับท้องฟ้า เป็นความงดงาม เป็นแสงสว่าง และเป็นเครื่องนำทางในความมืดทั้งบนบกและในทะเล และการที่พระองค์ทรงแจ้งว่าพระองค์ทรงประดับฟ้าชั้นต่ำสุดด้วยดวงประทีปนั้น ไม่ได้ขัดแย้งกับการที่ดวงดาวส่วนใหญ่อยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ด เพราะชั้นฟ้าเหล่านั้นโปร่งใส ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความงดงามแก่ฟ้าชั้นต่ำสุด แม้ว่าดวงดาวจะไม่ได้อยู่ในนั้น
وَجَعَلْنَاهَا
“และเราได้ทำให้มัน“
และเราได้ทำให้ดวงประทีปเหล่านั้น
رُجُومًا لِلشَّيَاطِينِ
“เป็นขีปนาวุธขับไล่บรรดาชัยฏอน“
เป็นขีปนาวุธสำหรับขับไล่บรรดาชัยฏอนที่ต้องการแอบฟังข่าวจากฟากฟ้า อัลลอฮฺจึงทรงทำให้ดวงดาวเหล่านี้เป็นเครื่องพิทักษ์ท้องฟ้าจากการที่บรรดาชัยฏอนจะมาลักฟังข่าวของโลก ดังนั้นดาวตกเหล่านี้ที่พุ่งออกมาจากดวงดาว อัลลอฮฺทรงเตรียมไว้ในโลกนี้สำหรับบรรดาชัยฏอน
وَأَعْتَدْنَا لَهُمْ
“และเราได้เตรียมไว้สำหรับพวกมัน“
****
ในวันอาคิเราะฮฺ
عَذَابَ السَّعِيرِ
“การลงโทษแห่งเปลวเพลิง“
เพราะพวกมันดื้อดึงต่ออัลลอฮฺและทำให้บ่าวของพระองค์หลงผิด ด้วยเหตุนี้ผู้ติดตามพวกมันจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจึงเหมือนกับพวกมัน อัลลอฮฺทรงเตรียมการลงโทษด้วยเปลวเพลิงไว้สำหรับพวกเขา
ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่า
وَلِلَّذِينَ كَفَرُوا بِرَبِّهِمْ عَذَابُ جَهَنَّمَ وَبِئْسَ الْمَصِيرُ
“และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขานั้นคือการลงโทษแห่งนรกญะฮันนัม และช่างเลวร้ายยิ่งซึ่งจุดหมายปลายทาง“
ซึ่งชาวนรกจะถูกทำให้อัปยศอดสูอย่างที่สุด
إِذَا أُلْقُوا فِيهَا
“เมื่อพวกเขาถูกโยนลงในนั้น“
ด้วยความอัปยศและต่ำต้อย
سَمِعُوا لَهَا شَهِيقًا
“พวกเขาจะได้ยินเสียงคำรามของมัน“
เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัว
وَهِيَ تَفُورُ
“ขณะที่มันกำลังเดือดพล่าน“
****
تَكَادُ تَمَيَّزُ مِنَ الْغَيْظِ
“เกือบจะระเบิดด้วยความโกรธแค้น“
แม้มันจะรวมตัวกันแน่น แต่เกือบจะแยกออกจากกัน และแตกกระจายด้วยความโกรธแค้นต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา แล้วท่านคิดว่ามันจะทำอะไรกับพวกเขาเมื่อพวกเขาตกอยู่ในนั้น?
ต่อมาพระองค์ทรงกล่าวถึงการตำหนิของยามรักษาการณ์ต่อชาวนรก พระองค์ตรัสว่า
كُلَّمَا أُلْقِيَ فِيهَا فَوْجٌ سَأَلَهُمْ خَزَنَتُهَا أَلَمْ يَأْتِكُمْ نَذِيرٌ
“ทุกครั้งที่กลุ่มหนึ่งถูกโยนลงในนั้น ยามรักษาการณ์ของมันจะถามพวกเขาว่า ‘มิได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าหรอกหรือ?'”
สภาพของพวกเจ้าและการที่พวกเจ้าสมควรได้รับนรกนี้ ราวกับว่าพวกเจ้าไม่เคยได้รับการบอกกล่าวเกี่ยวกับมัน และไม่เคยมีผู้ตักเตือนเตือนพวกเจ้าให้ระวังมัน
قَالُوا بَلَى قَدْ جَاءَنَا نَذِيرٌ فَكَذَّبْنَا وَقُلْنَا مَا نَزَّلَ اللَّهُ مِنْ شَيْءٍ إِنْ أَنْتُمْ إِلَّا فِي ضَلَالٍ كَبِيرٍ
“พวกเขากล่าวว่า ‘มี แน่นอนได้มีผู้ตักเตือนมายังเรา แต่เราได้ปฏิเสธและกล่าวว่า อัลลอฮฺมิได้ทรงประทานสิ่งใดลงมา พวกท่านอยู่ในความหลงผิดอันใหญ่หลวงเท่านั้น‘”
พวกเขารวมการปฏิเสธเฉพาะตัวและการปฏิเสธทั่วไปต่อทุกสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาเข้าด้วยกัน และยังไม่พอเท่านั้น พวกเขายังประกาศว่าบรรดาเราะสูลผู้ตักเตือนนั้นหลงผิด ทั้งที่พวกท่านคือผู้ชี้นำที่ได้รับทางนำ และพวกเขาไม่เพียงแค่กล่าวว่าหลงผิดธรรมดา แต่ยังระบุว่าเป็นการหลงผิดอันใหญ่หลวง ดังนั้นมีความดื้อรั้น ยโส และอธรรมใดเล่าที่จะเทียบเท่ากับสิ่งนี้ได้?
وَقَالُوا
“และพวกเขากล่าว“
ด้วยการยอมรับว่าตนไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับทางนำและความถูกต้อง
لَوْ كُنَّا نَسْمَعُ أَوْ نَعْقِلُ مَا كُنَّا فِي أَصْحَابِ السَّعِيرِ
“หากพวกเราเคยฟังหรือใช้สติปัญญา เราคงไม่อยู่ในหมู่ชาวนรก“
พวกเขาปฏิเสธหนทางแห่งทางนำจากตัวเอง นั่นคือการฟังสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาและสิ่งที่บรรดาเราะสูลนำมา และการใช้สติปัญญาที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าของมัน ทำให้เขาเข้าใจความจริงของสิ่งต่างๆ เลือกสิ่งที่ดี และหลีกห่างจากทุกสิ่งที่มีผลลัพธ์อันน่าตำหนิ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทั้งการฟังและสติปัญญา ซึ่งตรงกันข้ามกับชาวแห่งความเชื่อมั่นและความรู้ และบรรดาผู้ที่มีความสัตย์จริงและศรัทธา พวกเขาเสริมความศรัทธาของตนด้วยหลักฐานที่ได้ยินได้ฟัง พวกเขาฟังสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺและสิ่งที่เราะสูลของอัลลอฮฺนำมา ทั้งในด้านความรู้ ความเข้าใจ และการปฏิบัติ และหลักฐานทางสติปัญญาคือการรู้จักแยกแยะระหว่างทางนำกับความหลงผิด ความดีกับความชั่ว สิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิด และพวกเขาอยู่ในความศรัทธาตามที่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานพวกเขาด้วยการปฏิบัติตามเหตุผลและสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมา มหาบริสุทธิ์ยิ่งพระผู้ทรงเลือกให้ความโปรดปรานของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์ และทรงโปรดปรานต่อผู้ที่พระองค์ประสงค์จากบ่าวของพระองค์ และทรงทอดทิ้งผู้ที่ไม่เหมาะสมกับความดี
พระองค์ ตะอาลา ตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่เข้านรกเหล่านี้ ผู้ที่ยอมรับในความอธรรมและความดื้อรั้นของตนว่า
فَاعْتَرَفُوا بِذَنْبِهِمْ فَسُحْقًا لِأَصْحَابِ السَّعِيرِ
“ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับความผิดของพวกเขา ดังนั้นขอความพินาศจงประสบแก่ชาวนรก“
ขอให้พวกเขาพบกับความห่างไกล ความขาดทุน และความเศร้าโศก ช่างเป็นความเศร้าโศกและความหายนะอันใหญ่หลวงของพวกเขา เมื่อพวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้รับการตอบแทนจากอัลลอฮฺ และต้องอยู่ในเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ร่างกายของพวกเขาและแผดเผาหัวใจของพวกเขา!
EndFragment